วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

ทำไม น้องหมาถึงน้ำตาไหล?????


เคยสังเกตกันมั๊ยว่า น้องหมาเราน้ำตาไหลเพราะอะไร??

1.จากเชื้อยีสต์และน้ำตา ทำให้ขนใต้ตาเปียกชื้น
และกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของเชื้อยีสต์
โดยเฉพาะชนิดที่เรียกว่า Red Yeast ซึ่งยีสต์ชนิดนี้
จะทำปฏิกิริยาที่ก่อให้เกิดคราบสีแดงเข้มอมน้ำตาลเกาะที่ขนใต้ตา
ร่องน้ำตาอุดตัน (blocked tear ducts)
หากคุณมีสุนัขที่น้ำตาไหลมากเป็นพิเศษ
ลองพาไปให้สัตวแพทย์ตรวจดูสักครั้งว่าร่องน้ำตาอุดตันหรือเปล่า
เพราะเป็นต้นเหตุที่พบได้บ่อยในสุนัขพันธุ์เล็กหลายๆพันธุ์
ซึ่งสัตวแพทย์จะสามารถช่วยแก้ไขได้
สุนัขบางตัวซึ่งอาจมีมากถึง 20%ของสุนัขพันธุ์เล็กทั้งหมดนั้น
เกิดมามีร่องน้ำตาที่ปิดสนิทซึ่งต้องใช้การผ่าตัดจึงจะหาย
ดังนั้นหากคุณสงสัยว่าสุนัขของคุณอาจมีปัญหาในเรื่องนี้
ควรพา ไปพบสัตวแพทย์โดยเร็ว

2.จากหูอักเสบ
การอักเสบของหูก็มีส่วนทำให้น้ำตาไหลมากผิดปกติเช่นกัน
เพราะ หู ตา จมูก ปากนั้้นมีความเกี่ยวเนื่องกัน
ดังนั้นควรดูแลหูให้สะอาดไม่อับชื้นด้วย ควรระวังน้ำเข้าหูเวลาอาบน้ำ
การเช็ดหูให้สะอาด และการถอนขนหูเพื่อป้องกันการอับชื้น
จึงเป็นสิ่งที่จะช่วยป้องกันการอักเสบของหูได้
และหากคุณ สงสัยว่า หูสุนัขอักเสบก็ควรรีบพาไปรักษาโดยเร็ว

3.จากกรรมพันธุ์
ผู้เพาะพันธุ์มอลทีสส่วนใหญ่พบว่า
กรรมพันธุ์ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่มีน้ำตามากหรือน้อยเช่นกัน
เนื่องมาจากรูปร่างลักษณะของกระโหลกบริเวณรอบๆตา
ที่แตกต่างกันออกไปตามกรรมพันธุ์นั่นเอง
ดังนั้นการเพาะพันธุ์ที่ดีเพื่อให้สุนับมีลักษณะที่ดี
และมีน้ำตาน้อยก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

4.จากสิ่งแปลกปลอมและอาการแพ้
การมีสิ่งแปลกปลอมในตาก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้น้ำตาไหลมากได้
การดูแลไม่ให้ขนบริเวณหน้า ทิ่มตา
จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุนัขพันธุ์ที่มีปัญหา
ทางที่ดีที่สุดคือการไว้ขนให้ยาวและมัดจุกให้เรียบร้อย
พยายามใช้วิธีตัดหนังยางทิ้ง
แทนที่จะดึงออกเวลาแกะเพราะอาจทำให้ขนขาด
ขนที่ขาดและสั้นบริเวณตามักจะทิ่มตาสุนัขทำให้น้ำตาไหลมาก
สำหรับสุนัขที่มีขนสั้นอยู่อาจใช้กิ๊บช่วยติดเพื่อป้องกันขนทิ่มตา
หากคุณจะใช้วิธีตัดขนบริเวณตาทิ้งคุณจะต้องคอยตัดบ่อยๆ
เพราะเมื่อไหร่ที่ขนยาวทิ่มตาสุนัขก็จะกลับมามีน้ำตามากอีกเหมือนเดิม
การอาบน้ำนั้นควรระวังไม่ให้แชมพูหรือน้ำเข้า ตา
ควรใช้แชมพูที่ไม่มีสารเคมีเพื่อป้องกันการผิดพลาด
และทำให้ดวงตาของสุนัขอักเสบเพราะแพ้แชมพู
สุนัขบางตัวนั้นแพ้อากาศ เกสรดอกไม้ หรือควันบุหรี่
ซึ่งทำให้มีน้ำตาไหลมากเป็นพิเศษ
ดังนั้น คุณควรคอยสังเกตุว่าสุนัขมักมีน้ำตาไหลมาก
เมื่ออยู่ใกล้ควันบุหรี่หรือเมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิ
ที่มีเกสรดอกไม้มากหรือไม่
และควรหลีกเลี่ยงสิ่งแปลกปลอมที่สันัขแพ้นอกจากนี้
อาการแพ้สิ่งอื่นๆเช่นแพ้อาหารก็สามารถทำให้ ค่า pH ของน้ำตาเปลี่ยนแปลง
และทำให้เกิดรอยด่างบนขนใต้ตาสุนัขได้
ลองใช้ Beaphar Ofta สูตรน้ำยาล้างตาที่ใช้ล้างสิ่งแปลกปลอมในตาได้
หรือ Gimborn Eye Clear น้ำยาเช็ดคราบน้ำตาที่ใช้ล้างตาได้ในขวดเดียวกัน
สำหรับการผูกจุกให้อยู่ตัว เก็บขนได้เรียบร้อย
อาจใช้เจลแต่งผมของคนลูบบางๆได้แต่ต้องระวังเข้าตา

5.จากน้ำดื่ม
น้ำที่มีแร่ธาตุ (Mineral) สูงนั้นเมื่อสุนัขดื่มเข้าไป
จะทำให้ขนบริเวณหน้าและขนที่ปากเหลืองได้ง่าย
ดังนั้นการให้สุนัขเลียน้ำจากขวดที่ไม่ทำให้ปากเปื้อนจะช่วยป้องกันได้
และเป็นวิธีที่ผู้เพาะพันธุ์นิยมใช้มากที่สุด
หรือคุณอาจเปลี่ยนมาให้น้ำดื่มบรรจุขวดที่มีขายทั่วไป
แทนน้ำประปาก็จะช่วยป้องกันการเกิดคราบเหลืองตามปากและบริเวณหน้าได้เช่นกัน

6.จากการเปลี่ยนฟัน
ลูกสุนัขในช่วงอายุ 5-8 เดือนนั้น
จะมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของกรามและกระโหลกค่อนข้างมาก
โดยเฉพาะในช่วงที่มีฟันน้ำนมเริ่มหลุดและฟันแท้เริ่มขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลต่อรองน้ำตาของสุนัขอย่างมาก
ทำให้สุนัขที่อาจไม่เคยทีน้ำตาไหลมาก
เกิดมีปัญหาเรื่องนี้ในช่วงอายุดังกล่าว
ซึ่งการรับมือก็คือการหมั่นดูแลทำความสะอาด
และเช็คน้ำตาให้บ่อยที่สุดในช่วงนี้จนกว่าฟันแท้จะขึ้นเหมด
ซึ่งอาการจะดีขึ้นกลับไปเหมือนเดิมได้
ในระยะนี้การให้ของเล่นสำหรับแทะกับสุนัข
จะสามาระลดแรงกดดันในปากได้ส่วนหนึ่ง

7.จากขนมและอาหาร
ขนมและอาหารที่สุนัขกินเข้าไปนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก
ในการป้องกันคราบน้ำตา อาหารที่เป็นธรรมชาติล้วนไม่มีสารกันบูด
และไม่ใส่สีนั้นจะช่วยไม่ให้เกิดคราบน้ำตาและคราบสกปรกที่ปาก
ควรหลีกเลี่ยงอาหารและขนมทุกชนิดที่สีจัด
เพราะสีที่ผสมในอาหารนั้นจะหลั่งออกมากับน้ำตาและทำให้เกิดคราบ
ผู้เพาะพันธุ์บางคนสังเกตุว่าอาหารและขนมทุกชนิด
ที่มีส่วนผสมของbeet pulpในปริมาณมาก
มักทำให้ขนเหลืองและเป็นคราบบริเวณใบหน้า
ผู้ประกวดสุนัขส่วนใหญ่จะใช้วิธีพันขนบริเวณปากและหนวดไว้เสมอ
เพื่อไม่ให้เปื้อนอาหารหรือเปียกน้ำ
หากการพันขนไว้เป็นสิ่งที่ลำบากเกินไป
การทำความสะอาดเช็ดล้างขนบริเวณปากหลังอาหารอย่างสม่ำเสมอ
จะช่วยป้องกันคราบได้ สำหรับขนมที่่ไม่ผสมสี ลอง Barkery Biscuits
ขนม Homemade ที่ไม่มีสารกันบูด ไม่ผสมสี
และทำจากธรรมชาติล้วน ๆ มีหลายรสให้เลือก

8.จากเห็บหมัด
เห็บหมัดนั้นนอกจากมีโอกาสจะทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง
ซึ่งทำให้เกิดคราบบนขนแล้วยังเป็นตัวนำไรหูให้มาติดสุนัขอีกด้วย
ไรหูนั้นทำให้หูอักเสบและทำให้น้ำตาไหลมากเป็นพิเศษดังที่กล่าวมาแล้ว
การป้องกันเห็นหมัดนั้นมีหลายวิธีคือการใช้ยากำจัดเห็บหมัด
หรือใช้ปลอกคอกันเห็บหมัดที่ส่วนใหญ่อยู่ได้นานถึง 3 เดือน



อาหารและสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุนัข


อาหารที่เป็นอันตราย

ไม่น่าเชื่อว่าอาหารบางชนิดที่คนเรารับประทานกันเป็นประจำทุกวันและมีประโยชน์สำหรับเรา กลับมีอันตรายร้ายแรงสำหรับสุนัข ทุกอย่างในโลกนี้มีทั้งคุณและโทษ อาหารที่มีระโยชน์หากใช้ไม่ระมัดระวังหรือมากเกินไปก็อาจมีโทษได้เช่นกัน ลองมาดูกันนะครับว่าจะมีอะไรกันบ้างที่ไม่ควรให้สุนัขกิน

ช็อกโกแลต ( ระดับความรุนแรง: ทำให้น้องหมาเสียชีวิตได้ )
เนื่องจากมีส่วนประกอบของ Theobromine ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้การไหลเวียนของเลือดไปสู่สมอง อาจทำให้หัวใจวายได้ และเป็นสาเหตุของโรคอื่น ๆ ชอคโกแลตยิ่งดำ ยิ่งอันตราย ( เพราะสารพิษส่วนใหญ่มันอยู่ในโกโก้ milk chocolate มีสารพิษน้อยกว่า ) อาการของสุนัขคือ ฉี่บ่อย ท้องร่วง หัวใจเต้นแรง รุกรน ไม่อยู่นิ่ง กล้ามเนื้อเกร็ง สั่น จนถึงอาการโคม่า
กระดูก ( ระดับความรุนแรง: อันตราย -> ทำให้น้องหมาเสียชีวิตได้ )
เป็นอันตรายอาจทำให้เสียชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างสุกหรืออย่างดิบ กระดูกของเล่นที่ทำสำหรับเป็นของเล่น สามารถที่จะ แตกย่อย สลาย ไม่มีคมเวลากลืนลงไป แต่กระดูกจริง ๆ ของสัตว์ต่าง ๆ เป็นจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ชิ้น ๆ เป็นอันตราย อาจทิ่มตำในช่องปาก รวมถึงระบบย่อยอาหาร ถ้าไปทำปัญหาให้กับระบบทางเดินหายใจ จะหายใจไม่ออก อาจเสียชีวิตทันที พาไปพบหมอทันทีหากสังเกตเห็น มีอาการพยายามเอาอะไรออกจากปาก หายใจติดขัด หอบ พยายามจะอาเจียน ไอ
ตับ ( ระดับความรุนแรง: อันตราย)
เนืองจากตับมีไวตามิน A มาก มีประโยชน์ต่อสุนัข แต่ถ้าได้รับในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้มีปัญหาเรื่องกระดูก ถ้าสุนัขได้รับไวตามิน A จากอาหารเสริม ( supplements ) เพียงพอตามกำหนดแล้ว ไม่ควรให้ตับเพิ่มอีก
เนื้อสด ( ระดับความรุนแรง: ทำให้น้องหมาเสียชีวิตได้ )
เนื้อสัตว์ สัตว์ปีก เป็ด ไก่ ที่ยังไม่ได้ทำให้สุก มีแบคทีเรียที่ทำอันตรายถึงตายได้ จะมีอาการเป็นไข้ อ่อนเพลีย ติดต่อถึงสัตว์อื่นและคนได้
ไข่ดิบ ( ระดับความรุนแรง: อันตราย)
ถึงแม้ไข่จะมีประโยชน์ทำให้ร่างกายสุนัขแข็งแรง แต่ให้ระวังการให้ไข่ดิบ เนื่องจากในไข่ดิบมีแบคทีเรียบางตัวที่เป็นสาเหตุให้ขนร่วง อ่อนแอ โตช้า และมีปัญหากระดูก
หัวหอม ( ระดับความรุนแรง: อันตราย)
หัวหอม มีฤทธิ์ทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้มีการนำ oxygen เข้าสู่ร่างกายสุนัขได้น้อยลง ไม่พอต่อความต้องการ ถึงแม้สุนัขจะได้กินเพียงแค่ 2 ชิ้นต่อ 1 อาทิตย์ ก็เป็นปริมาณเพียงพอที่จะทำให้สุนัขมีอาการ อ่อนแอ เพลีย น้ำหนักลด ซึม หัวใจเต้นเร็ว ( เรียกอาการที่เกิดจากกินหัวหอมว่า Heinz body hemolytic anemia
นม ( ระดับความรุนแรง: ไม่สมควรให้กิน)
ไม่ทุกตัวที่มีปัญหา ในนมจะมี Lactose ที่ในสุนัขบางตัวไม่มีเอ็นไซม์ที่ช่วยย่อยได้ ถ้าสุนัขกินนม หรือผลิตภัณฑ์จากนมเช่น ไอศครีม โยเกิรต แล้วมีอาการท้องเสีย ,ขาดน้ำ , ระคายเคืองผิวหนัง ก็แสดงว่าสุนัขตัวนั้นไม่มีเอ็นไซม์ช่วยย่อย จึงควรหยุดให้นมทันที
เนื้อหมู ( ระดับความรุนแรง: ไม่สมควรให้กิน)
เนื้อหมูส่วนใหญ่มีส่วนที่เป็นไขมันเยอะ ถ้าให้สุนัขกินมากเกินไปอาจทำให้ไขมันไปอุดตันในเส้นเลือด ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากเนื้อหมู โดยเฉพาเบคอน นอกจากจะมีไขมันเยอะแล้ว ยังมีสารโซเดียมไนเตรท อีกด้วย
เห็ด ( ระดับความรุนแรง: ไม่สมควรให้กิน -> อันตราย)
เห็ดที่คนกินได้ ไม่เป็นอันตรายต่อสุนัข แต่ว่าถ้าหลีกเลี่ยงได้ ควรไม่ให้สุนัขกิน เพราะถ้าสุนัขเคยชินกับรสชาด และกลิ่นของเห็ด เมื่อสุนัขออกไปเจอเห็ดมีพิษที่ขึ้นตามสนามหญ้า หรือสวนสาธารณะ ได้กลิ่นเห็ดที่คุ้นเคย อาจทำให้สุนัขกินเห็ดมีพิษได้
ขนมเค้ก (CookingChocolate) ซึ่งเป็นช็อคโกแลตที่ไม่หวาน มีสีดำ และมีปริมาณของสารทรีโอโบรมีนสูงกว่าช็อคโกแลตนม (Milk Chocolate) ถึง 10 เท่า ส่วนการออกฤทธิ์ของสารนี้คือ จะไปทำให้อัตราการเต้นหัวใจเร็วขึ้น และอาจเร็วมากจนเกิดการเต้นของหัวใจที่ไม่เป็นจังหวะและรัว ส่งผลให้เกิดอันตรายถึงหัวใจวายและเสียชีวิตได้ เมื่อสุนัขกินเข้าไปในปริมาณมากพอสมควร โดยสุนัขแต่ละตัวจะมีความไวต่อสารนี้แตกต่างกันไป คล้ายกับในคนที่ไวต่อคาเฟอีน และช็อคโกแลตที่อันตรายรองลงมาคือ ช็อคโกแลตดำ (Black Chocolate) และช็อคโกแลต
- ถั่วแมคคาดีเมีย อาการที่พบคือ มีการสั่นของกล้ามเนื้อ ขาอ่อนแรง อาจรุนแรงไปถึงการอัมพาตของขาหลัง สุนัขบางตัวไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหว ยืนหรือเดินได้เลย อาจเกิดจากการกินถั่วดิบ หรือแม้แต่ถั่วที่แปรรูปเป็นครีมทาขนมปัง โดยอาการดังกล่าวจะค่อยๆ หายไปได้เอง
- ผลอาโวกาโด้ เป็นผลไม้ที่มีสาร เพอซิน โดยจะพบได้แทบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นผล ใบ เมล็ด หรือเปลือกของต้น หากสุนัขกินเข้าไปจะทำให้อาเจียนและท้องเสีย
- ผลองุ่นและลูกเกด สามารถทำให้สุนัขไตวายได้ โดยอาจเกิดจากการกินวันละ 1-2 เม็ด แล้วค่อยๆ สะสมก่อให้เกิดความเป็นพิษขึ้นค่ะ



 ##ต้นไม้ ดอกไม้ ที่มีพิษต่อเจ้าตูบ##

ไฮเดรนเยียร์ (Hydrangea ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน ซึม กินอาหารไม่ได้ท้องเสีย มีไข้ หัวใจเต้นเร็ว
กุหลาบหิน (Kalanchoe) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน ท้องเสีย
Lily of the Valley เป็นพืชกอคล้ายพวกกระชาย พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ เดินโซเซ อาเจียน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ตาย
Madagascar Dragon Tree คล้ายต้นจันทร์ผา พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน ซึม อ่อนเพลีย หมดสัญชาตญาณ น้ำลายไหล 
กัญชา (Marijuana) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ ซึม หายใจอ่อน เดินโซเซ กดประสาท บางครั่งตื่นเต้นกว่าเหตุ
เดหลี (Mauna Loa Peace Lily ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ ปาก ลิ้น ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหล อาเจียน กลืนยาก
มอนิ่งกลอรี่ (Morning Glory) พิษในเมล็ดจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ ประสาทหลอน ท้องร่วง
ต้นมะเขือเทศ(Tomato Plant ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ น้ำลายไหล อาเจียน ท้องเสียหมดสัญชาตญาณ อ่อนแรง หัวใจเต้นช้า
ทิวลิป (Tulip) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ น้ำลายไหล อาเจียนอย่างรุนแรง ท้องเสียหมดสัญชาตญาณ ซึม
ว่านหางจรเข้ พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน หดหู่ ท้องเสีย ไม่สามารถกินอาหารได้ สั่น ฉี่เปลี่ยนสีว่าน
แอมมะลิส (Amaryllis) หรือ ว่าน 4 ทิศ พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน หดหู่ ท้องเสีย ปวดท้อง น้ำลายไหลฟูมปาก ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ สั่น
พืชตระกูลลิลลี่ทั้งหมด (Lily) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน หมดสัญชาตญาณ เซื่องซึม ไตล้มเหลว ลิลลี่ยังเป็นพิษกับแมวบางพันธ์ด้วย
เฟิร์นทุกชนิด (Asparagus Fern) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ แพ้ ผิวหนังอักเสบ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย 
(Bird of Paradise) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน ท้องเสีย ทำให้กระต่ายตายได้
บัคอาย (Buckeye ) คล้ายๆ เกาลัด พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการกระเพาะอาหารและลำไส้ปั่นป่วนอย่างรุนแรง ตื่นเต้นมาก ตาดำขยาย หมดสติ
สนพุ่ม (Buddist Pine) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการท้องเสียและอาเจียนอย่างรุนแรง
บอน บอนสีทุกชนิด (Caladium hortulanum ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปาก ลิ้น ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหล อาเจียน กลืนยาก
ลิลลี่ขาว (Calla Lily ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปาก ลิ้น ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหลอาเจียน กลืนยาก
เมล็ดละหุ่ง (Castor Bean) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปาก ลิ้น คอไหม้ พอง บวม กระหายน้ำ อาเจียน ท้องเสีย ไตล้มเหลง ชักกระตุก
ไม้ใบตระกูลสาวน้อยประแป้งทั้งหมด (Charming Diffenbachia ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปาก ลิ้น คอ ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหล อาเจียน กลืนยาก
ไม้ตระกูลมะฮอกกานี (Chinaberry Tree ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ หัวใจเต้นช้าลง อาเจียน ท้องเสีย หมดสติ ชัก
เศรษฐีพันปี (Chinese evergreen) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปาก ลิ้น คอ ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหล อาเจียน กลืนยาก
วาสนา(corn plant) พิษจะทำให้สุนัขและแมว ที่ได้รับเกิดอาการ น้ำลายไหล อาเจียน ซึมเศร้า หมดสัญชาตญาณ
ดอกแดฟโฟดีล (Daffodil) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ กระเพาะอักเสบรุนแรง ชักกะตุก สั่นเทิ้ม ภาวะความดันโลหิตต่ำกว่าปกติ ผิวหนังอักเสบ กล้ามเนื้อสั่น ภาวะหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ดอกไม้จีน (Day Lily) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน หมดสัญชาตญาณ เซื่องซึม ไตล้มเหลวตระกูลพลูด่าง
พลูสีทอง .. (Devil's Ivy) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปาก ลิ้น คอ ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหล อาเจียน กลืนยาก
ตระกูลหน้าวัว (Flamingo Plant ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปาก ลิ้น คอ ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหล อาเจียน กลืนยาก
กลอรี่ลิลลี่ (Glory Lily ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ ระคายเคืองปาก อาเจียน เป็นเลือด ท้องเสีย หมดสติ ไตและตับถูกทำลาย หยุดยั้งการทำงานของไขกระดูก
ผักตบชวาบก (Hyacinth) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียนรุนแรง ท้องเสียบางครั้งถ่ายเป็นเลือด สั่น

  
สุนัขกับสารพิษในบ้าน

สุนัขเป็นสัตว์ที่มีนิสัยอยากรู้อยากเห็นซุกซนและชอบกัดแทะหรือกินสิ่งต่างๆ ที่อาจจะก่ออันตรายกับสุนัขได้โดยที่เจ้าของไม่ ทันระวังโดยเฉพาะถ้าเป็นสิ่งของ หรือวัตถุนั้นมีส่วนประกอบที่เป็นพิษโดยที่เจ้าของไม่ได้ทันระวังและป้องกันให้ดีสุนัขอาจจะไปกัดแทะหรือเลียสารพิษได้ทำให้สุนัขได้รับอันตรายจากสารพิษ เช่น น้ำยาทำความสะอาดพื้น ยาฆ่าแมลงต่างๆ ยาฆ่าหญ้า ยาเบื่อหนู

ถ้าเป็นสารพวก Organophosphate และ Carbamate

สุนัขจะมีอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น น้ำลายไหลอาเจียน หายใจลำบาก อุจจาระและปัสสาวะเรี่ยราดรวมกับแสดงอาการทางระบบประสาท จะพบอาการเกร็ง กล้ามเนื้อสั่นและกระตุก และมีอาการชัก สิ่งที่ทำได้คือถ้าพบรอยเปื้อนที่เกิดจากยาฆ่าแมลงบนผิวหนังหรือขนรีบทำการล้างออกด้วยน้ำและสบู่แล้วรีบนำส่งสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป

ถ้าเป็นพวกยาเบื่อหนูหรือฆ่าหนู ส่วนใหญ่ปัจจุบันจะเป็นพวก Warfarin และ Coumarin สุนัขอาจจะไปเลียหรือกัดแทะซากหนูที่ถูกเบื่อตายมากได้ถ้าสุนัขพึ่งกินสารเข้าไปจะไม่มีอาการผิดปกติเกิดขึ้นและจะพบสุนัขมีเยื่อเมือกซีดและมีเลือดออกตามที่ต่างๆทั่วร่างกาย เช่น ที่เหงือก เป็นจ้ำเลือดตามผิวหนังและใต้ท้อง อุจจาระดำ เลือดหยุดยากและอาจตายได้ถ้าพบสุนัขพึ่งกินเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการอาเจียนโดยวิธีการกรอกไข่ขาวดิบๆ หรือกรอกไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่เจือจางแล้วรีบพาไปหาสัตวแพทย์โดยเร็วเพื่อทำการรักษาโดยด่วน

ถ้าเป็นพวก Strychnin

เป็นยาที่ค่อนข้างอันตราย แต่ก่อน Strychnin ใช้เป็นยาเบื่อสุนัขในปัจจุบันพบได้น้อยเพราะเป็นยาควบคุมสุนัขอาจไปกินซากสัตว์ที่ถูกเบื่อ เช่น หนู หรือโดนเบื่อยาจากผู้ไม่ประสงค์ดีโดยจะพบว่าสุนัขจะมี อาการตัวแข็งเกร็งชักกระตุกอย่างรุนแรงขาทั้งสี่เหยียดตรงเหมือนม้าไม้อาการจะรุนแรงมากถ้ามีเสียงหรือถูกกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมเช่น เสียงดังโครมครามหรือการกระแทกกระทั้นและตายให้ที่สุด ถ้าพบว่าพึ่งกินสารพิษเข้าไปอาจกระตุ้นให้สุนัขเกิดการอาเจียนแล้วรีบพาไปหาสัตวแพทย์โดยเร็วเพื่อทำการรักษาโดยด่วน

ถ้าเป็นสารพิษพวกตะกั่ว

โดยเฉพาะสุนัขที่ซุกซนไปกัดแทะเศษไม้หรือสีทาบ้านที่ลอกหลุดหรือแบตเตอรี่รถยนต์ สุนัขจะมีอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย อาเจียน เจ็บปวดให้ช่องท้อง ช่องท้องขยาย ส่วนอาการทางระบบประสาท ตาจะมองไม่เห็น ซึม และอาจชักได้ถ้าพบว่าพึ่งกินสารพิษเข้าไปอาจกระตุ้นให้สุนัขเกิดการอาเจียนแล้วรีบพาไปหาสัตวแพทย์โดยเร็วเพื่อทำการรักษาโดยด่วน

ถ้าเป็นพวกสัตว์ที่เป็นพิษบางชนิด

เช่น แมลงมีพิษ คางคก รวมทั้งงูพิษ ที่สุนัขไปกัดเล่นสุนัขอาจแสดงอาการเจ็บปวดบริเวณที่ถูกกัดหรือปากบวมน้ำลายไหล ควรรีบให้สัตว์แพทย์รักษาโดยด่วน ส่วนในรายที่ถูกงูพิษกัดอาจเป็นปัญหาในการรักษาเนื่องจากต้องรู้ชนิดของงูและต้องใช้แอนติซีรั่มที่ใช้แก้พิษงูชนิดนั้นๆ และต้องกระทำอย่างรวดเร็วที่สุด

จะเห็นได้ว่าเมื่อสุนัขได้รับสารพิษหลายๆ ชนิดเข้าสู่ร่างกายพิษจะแสดงอาการอย่างรวดเร็วและอาจทำให้สุนัขตายได้เช่นกัน การรักษาที่ดีคือ รีบนำส่งสัตวแพทย์โดยด่วนแต่ไม่ใช่ทุกรายที่จะโชคดีเพราะทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัย เช่น ชนิดของสารพิษ ปริมาณของสารพิษที่ได้รับ ระยะเวลาที่สารพิษเข้าสู่ร่ายกาย อาจมีบางรายที่รักษาแล้วไม่หายสุนัขต้องเสียชีวิตไป หรือบางรายรักษาหายก็มีชีวิตรอดแต่การรักษาที่ดีที่สุดคือ การป้องกันไม่ให้สุนัขไปเลียหรือแทะสารพิษที่มีอยู่ในบ้านรวมทั้งการใช้สารเหล่านี้อย่างระมัดระวังจึงเป็นการดีที่สุดที่สามารถป้องกันไม่ให้สุนัขที่ท่านรักได้รับสารพิษภายในบ้านของท่านเอง

 ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://www.thaipomeranian.com


วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

โรคข้อสะโพกเสื่อม

โรคข้อสะโพกเสื่อม ( Hip Dysplasia )

เป็นโรคกระดูกที่พบได้มากในสุนัขพันธุ์ใหญ่ ( Giant and large breed ) โดยพบมากถึง 1 ใน 3 ของโรคกระดูกทั้งหมาโดยโรคนี้จะมีพัฒนาการในช่วงที่มีการเจริญเ ติบโตของกระดูกจึงอาจพบได้ตั้งแต่ 4-12 เดือน


สาเหตุและปัจจัยโน้มนำ
1. กรรมพันธุ์
กรรมพันธุ์มักเป็นสาเหตุเริ่มแรกของโรคและมักจะเกิดร่วมก ับปัจจัยอื่นๆ ทำให้ความรุนแรงมากขึ้นพบว่าลูกสุนัขที่เกิ ดจากพ่อ-แม่ที่ไม่แสดงอาการของโรคอาจป่วยด้วยโรคนี้ได้ส่วนลูกส ุนัขที่เกิดจากพ่อ-แม่ที่ป่วยด้วยโรคข้อสะโพกเสื่อมจะมีเพียง 7% เท่านั้นที่ปกติ
2. โภชนาการ
การให้อาหารเต็มที่ตลอดเวลาจะทำให้มีโอกาสเกิดโรคสูงควรใ ห้ปริมาณอาหารเพียง 60-70% ของปริมาณอาหารที่สุนัขกินได้
3. อัตราการเจริญเติบโตและขนาดตัวของสุนัข
ลูกสุนัขที่มีอัตราการเจริญเติบโตเร็และมีน้ำหนักตัวมากจ ะมีแนวโน้มเกิดปัญหาได้มากกว่า
4. สภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดู
กรณีที่ลูกสุนัขมีแนวโน้มเป็นโรคข้อสะโพกเสื่อมหากมีการอ อกกำลังกายที่มากจะทำให้แนวโน้มการเกิดโรคสูงขึ้น นอกจากนี้สภาพพื้นผิวที่สุนัขอยู่หากเรียบและลื่นก็จะทำให้สุนั ขที่มีปัญหาอยู่แสดงอาการได้เร็วและรุนแรงขึ้น 


อาการ
1. ความสามารถในการออกกำลังกายลดลง
2. การลุกยืนหรือนั่งทำได้ช้าหรือลำบากมากกว่าปกติ
3. สุนัขไม่พยายามหรือไม่สามารถกระโดด ก้าวขึ้นหรือลงบันไดหรือรถยนต์ได้
4. บางครั้งอาจได้ยินเสียงคลิกที่บริเวณสะโพก เวลาสุนัขเดิน
5. ลักษณะการวิ่งจะใช้ 2 ขาหลังก้าวไปพร้อมๆ กัน
6. มีอาการเจ็บขาเด่นชัดมากขึ้นหลังการออกกำลังกายอาจแสดงอาการของ ขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง 
7. สุนัขจะยืนในลักษณะหลังงอ กล้ามเนื้อบริเวณขาหลังและสะโพกลีบเล็กลง บางครั้งสุนัขจะ ยืนลักษณะขาชิดแต่ปลายเท้าแบะออก 


การวินิจฉัยโรค
1. การถ่ายภาพรังสีเอ็กซ์เรย์
ใช้ประเมินความรุนแรงของโรคได้ในช่วงอายุ 12-18 เดือน สำหรับลูกสุนัขที่มีปัญหารุนแรงสามารถพบการเปลี่ยนแปลงของข้อต่ อได้เร็วกว่านี้
2. การตรวจข้อสะโพก 
ตรวจได้ตั้งแต่ลูกสุนัขอายุประมาณ 8 สัปดาห์ ซึ่งยังมองไม่เห็นความผิดปกติด้วยภาพถ่ายรังสี

การรักษา แบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ
1. การรักษาทางยา
2. การรักษาทางการผ่าตัด

การรักษาทางยา
เป็นการรักษากรณีที่เริ่มมีอาการโดยการใช้ยาแก้ปวดลดอักเ สบ รวมทั้งการใช้สารเสริมอาหารพวกกลูโคซาไมด์และคอนดรอยติน ร่วมไปกับการควบคุมปริมาณอาหารที่เหมาะสม นอกจากนี้ควรให้สุนัขมีการออกกำลังกายที่เหมาะสม

การรักษาโดยการผ่าตัด มีจุดประสงค์เพื่อ
1. ลดอาการเจ็บปวดบริเวณข้อต่อ
2. เพื่อให้สุนัขสามารถกลับมาใช้ขารับน้ำหนักได้
3. เพื่อลดการดำเนินไปของโรค
แต่อย่างไรก็ตามการผ่าตัดในกรณีที่ป่วยมานาน กล้ามเนื้อขาเริ่มลีบ จะให้ผลการรักษาที่ไม่ค่อยดีนัก


วิธีทำกายภาพกรณีข้อสะโพกเสื่อม
สัปดาห์ที่ 1
1. ใช้ถุงน้ำร้อนประคบบริเวณสะโพกนาน 15-20 นาที แล้วทำการยืด-หดขา 10-15 ครั้ง ทำ 2-3 ครั้งต่อวัน
2. จูงสุนัขเดินนาน 10-20 นาที อย่างน้อย 2 ครั้งและไม่ควรเกิน 3 ครั้งต่อวัน
3. สังเกตุการตอบสนองของสุนัขโดยไม่ให้ยาใดๆ
4. ถ้าสุนัขมีอาการเจ็บบริเวณข้อ ให้ลดกิจกรรมต่างๆลง 50% และให้ยาลดอาการปวดก่อนทำกายถาพบำบัด 30-60 นาที
5. พิจารณาประคบเย็นบริเวณข้อสะโพกหลังการทำกายภาพบำบัด

สัปดาห์ที่ 2-4
1. ใช้ถุงน้ำร้อนประคบบริเวณสะโพกนาน 15-20นาที
2. ยืด-หดขาและเพิ่มเวลาการเดิน
3. เริ่มให้สุนัขเดินในทางลาดชัน ขึ้นหรือลงบันได
4. เริ่มให้สุนัขลุกและนั่ง 2 ครั้งต่อวัน
5. ให้ว่ายน้ำ 3-5 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และให้เพิ่มระยะเวลา หากสุนัขมีการตอบสนองที่ดีขึ้น

สัปดาห์ที่ 5-12 
1. ใช้ถุงน้ำร้อนประคบบริเวณสะโพกนาน 15-20 นาที
2. ยืด-หดขา และจูงเดิน
3. เริ่มให้สุนัขวิ่งเหยาะและเล่นนาน 20-30 นาที 1-2 ครั้งต่อวัน
4. ให้ว่ายน้ำนาน 10 นาที 3 ครั้งต่อวัน



ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
***ข้อมูลทางวิชาการจาก โรงพยาบาลสัตว์สุวรรณชาด***
http://www.mylovegolden.net/webboard/viewtopic.php?f=11&t=260

วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555

โกลเด้นน้อยๆของพี่รถถัง กับน้องไอติม -ปิดการขาย-

ลูกของพี่รถถังกับน้องไอติม

เกิดวันที่ 26 กุมภาพันธ์

ทั้งหมด 6 ตัว ผู้ 2 เมีย 4 

ราคา 3000-3500 บาท 

สนใจติดต่อครูเล็ก 083-5001114